tweetbutton

วันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เรื่องของจีนยุคแรกเริ่มกับหนังเรื่อง“ศึกเทพสวรรค์บัลลังก์มังกร” : โจ้วอ๋อง...ทรราชย์ยุคแรกของจีน

เรื่องนี้ในหนังเรื่องนี้เกิดขึ้นในสมัยปลายราชวงศ์ซางย่างเข้าราชวงศ์โจว โดยจุดเริ่มอยู่ที่การที่โจ้วอ๋อง(หรือติวอ๊วงในจีนแต้จิ๋ว)กล่าววาจาจาบจ้วงเจ้าแม่หนี่ว์วา(หรือหนึ่งออในแต้จิ๋ว)ผู้สร้างมนุษย์ และได้ช่วยเหลือโลกโดยอุดท้องฟ้าด้วยหิน5สีเมื่อครั้งเสาค้ำโลกล้มลง ในขณะที่ทำการสักการะประจำปีซึ่งได้เกิดเหตุลมพัดชุดทรงของเทวรูปจนเปิด เห็นรูปร่างภายใน(เทวรูปสมัยนั้นสร้างแบบมีสัดส่วนเหมือนจริง)ว่า หากได้มาเป็นมเหสีก็คงดี เจ้าแม่จึงพิโรธ และได้สั่งให้เจียงจื่อหยาและเซินกงเป้ามาสั่งสอนโจ้วอ๋อง(โจ้วอ๋องเป็นฮ่องเต้ที่โหดร้ายชอบสงคราม) โดยเซินกงเป้าได้ใช้ปีศาจ เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ส่วนเจียงจื่อหยาใช้คุณธรรมช่วย แต่เมื่อไม่อาจบรรลุเป้าหมาย เพราะเซินกงเป้าใช้ปีศาจจิ้งจอกเข้าสิงต๋าจี เพื่อยั่วยวนโจ้วอ๋องจนบ้านเมืองระส่ำระสาย ขุนนางตงฉินถูกกังฉินให้ร้ายจนต้องตาย จึงได้หนีไปแคว้นซีฉี เพื่อร่วมมือกับโจวเหวินหวังแข็งเมืองกับโจ้วอ๋อง และต่อมาเมื่อสิ้นโจวเหวินหวังแล้ว โจวอู่หวังได้ครองราชย์ต่อมา จึงได้เปลี่ยนเป้าหมายเพื่อโค่นล้มโจ้วอ๋อง และสำเร็จในเวลาต่อมา

นี่คือเรื่องราวโดยคร่าวๆของหนังเรื่องนี้ครับ ทีนี้จะขอเล่าเรื่องในส่วนที่แตกต่างและเพิ่มเติมบ้าง

เจ้าแม่หนี่ว์วา เป็นมเหสีของจักรพรรดิฝูซี จักรพรรดิยุคดึกดำบรรพ์ของจีน เป็นผู้สร้างมนุษย์ตามความเชื่อของจีน มีตำนานว่าได้สั่งให้ปีศาจจิ้งจอก ปีศาจพิณ ปีศาจไก่ มาทำให้บ้านเมืองล่มสลาย โดยไม่ให้ผู้คนเดือดร้อน แต่ทั้ง3ทำผิดเงื่อนไข จึงได้ถูกลงโทษ

โจ้วอ๋อง เป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์ซาง เจ้าของนโยบาย “เสาทองแดง บ่ออสรพิษ”รวมถึงสร้างสิ่งก่อสร้างที่เกณฑ์ประชาชนมามาสร้างจนล้มตายหลายคน(ภายใต้การส่งเสริมจากต๋าจีฮองเฮาผู้ล่มเมือง)

ต๋าจี เดิมทีเป็นลูกสาวเจ้าเมืองภายใต้อาณัติของโจ้วอ๋อง ถูกส่งตัวมาเพื่อเป็นสนม ต่อมาถูกปีศาจจิ้งจอก9หางสิง และได้นำความล่มจมของราชวงศ์ซางในต่อมา

โจวเหวินหวัง เป็นเจ้าเมืองซีฉี เดิมชื่อจีชาง เชี่ยงชาญการทำนายด้วยกระดองเต่า(ต่อมาคือคัมภีร์อี้จิง)มีตำนานว่าถูกต๋าจีบังคับให้กินลูกชิ้นที่ทำจากเนื้อของลูกตัวเอง ซึ่งถูกประหารก่อนหน้า และเมื่อกลับถึงเมืองซีฉีก็ได้สำรอกออกมาเป็นกระต่าย ขึ้นไปอยู่บนดวงจันทร์ กับเทพธิดาฉางเอ๋อ


เจียงจื่อหยา(จีนแต้จิ๋วเรียกเกียงจูแหย) เป็นกุนซือคนสำคัญของโจวเหวินหวังและโจวอู่หวัง ก่อนหน้าเคยเป็นขุนนางราชวงศ์ซาง แต่ถูกต๋าจีกำจัด แต่หนีรอดมาได้ จึงมาอยู่ป่า และได้ตกปลาโดยใช้เบ็ดตรงรอโจวเหวินหวังเป็นที่มาของรูปปั้นเกียงไท้กงตกปลา หรือที่หลายๆคนมักจะเห็นรูปปั้นตาแป๊ะตกปลานั่นเอง

โจวอู่หวัง เป็นผู้ปราบโจ้วอ๋องลงสถาปนาราชวงศ์โจวปกครองจีน

เรื่องราวนี้ค่อนข้างมีอภินิหารแฝงอยู่มาก ลองอ่านเพิ่มเติมในหนังสือไคเภ็ก และห้องสินได้ครับ

ซิหยิ่นกุ่ย แม่ทัพคู่บุญถังไท่จง เรื่องเพิ่มเติมจาก “ซิยิ่นกุ้ย จอมทัพคู่บัลลังก์”

เซวีย เหริน กุ้ย หรือที่คนไทยรู้กันในนามว่า “ซิยิ่นกุ้ย” แต่จริงๆถ้าจะออกเสียงให้ถูกต้องในภาษาจีนแต้จิ๋วแล้ว ต้องออกเสียงว่า “ซิ หยิ่น กุ่ย“ เป็นแม่ทัพใหญ่ในช่วงปลายสมัยของถังไท่จง ขึ้นชื่อในฝีมือการรบ เคยรบกับอาณาจักรโคกูรยอทางเกาหลีด้วย (ในค.ศ.640ช่วงปลายสมัยโคกูรยอแล้ว ด้วยความร่วมมือกันกับอาณาจักรชิลลาสมัยพระนางซอนต๊อก ซึ่งความจริงก่อนหน้านี้จีนไม่เคยชนะโคกูรยอมาก่อน แต่ทว่าหลังโคกูรยอเสียนายพล ยอนแกโชมุนไป โคกูรยอก็อ่อนแอลงอย่างชัดเจน จนเสียเอกราชแก่ชิลลาในค.ศ.642) และได้รบกับทิเบต ในค.ศ.670 และเสียชีวิตในค.ศ.683



มีตำนานกล่าวขานว่าถังไท่จงทรงสุบิน(ฝัน)ร้ายว่ามีปีศาจทำร้าย และขุนพลชุดขาวก็มาช่วย โดยฉีม่อกงก็ได้ทำนายว่าบุคคลนี้จะเป็นแม่ทัพที่มาช่วยพระองค์ ถังไท่จงจึงได้สั่งให้ประกาศรับสมัครทหาร และซิยิ่นกุ้ยก็ได้เข้ารับราชการและสร้างผลงานจนได้เป็นแม่ทัพใหญ่ และกินถึงวันละ7ถัง!!! แต่ตายด้วยฝีมือลูกชาย “ซิ เต็ง ซาน” ที่ฝันร้ายว่าถูกเสือกระโจนใส่ ซึ่งมีเรื่องที่กล่าวกันว่า ซิยิ่นกุ้ยเป็นเทพเสือขาวจุติมา(จุติแปลว่าตายนะครับ ไม่ได้แปลว่าเกิดอย่างที่เข้าใจกัน)ส่วนซิเต็งซานเป็นเทพมังกรเขียว ซึ่งตรงข้ามกัน (ตามหลักฮวงจุ้ย มี4ทิศคือ เหนือ – เต่าดำ,ใต้ – หงส์แดง ตะวันออก – เสือขาว และตะวันตก – มังกรเขียว) ซึ่งเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นในสมัยราชวงศ์ชิง หลังสมัยราชวงศ์ถังแล้ว




เรื่องราวของซิยิ่นกุ้ยถูกนำมาทำเป็นหนัง รวมถึงงิ้ว และ“กวยแฉะ”เพลงงิ้วของจีน ซึ่งเรื่องราวจะยาวไปจนถึงรุ่นหลานของซิยิ่นกุ้ย คือ “ซิ กัง” และ1ในนั้นก็คือ “ซิยิ่นกุ้ย จอมทัพคู่บัลลังก์” แต่ทว่าเรื่องราวกลับจบลงที่รุ่นซิยิ่นกุ้ยเอง ไม่ได้ยาวจนรุ่นหลาน ซึ่งถ้าต่อจากนั้นมีตำนานว่าซิเต็งซานถูกประหารทั้งตระกูล ในสมัยถังเกาจง(หลี่จื้อ)โดยถูกกังฉินให้ร้าย พอต่อมาได้ขุดสุสานที่ฝังศพของตระกูลซิ ก็ได้พบว่าส่วนหัวกับส่วนลำตัวได้ต่อเข้ากัน เฉิงเหย่าจิน(ที่ในหนังเรียกกันว่าพระพันปีเฉิง)ก็ได้หัวเราะว่าซิเต็งซานนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์ จนตายด้วยวัย120 ปี

เพิ่มติมอีกเล็กน้อยด้วยเรื่องของ “เว่ย เจิง” ขุนนางตงฉินของถังไท่จง ซึ่งในหนังเป็นผู้ทัดทานเรื่องบำเหน็จของแม่ทัพที่ไปรบในป๋อเหลียว(รวมถึงซิยิ่นกุ้ยด้วย)บุคคลนี้ได้ชื่อว่าเป็นกระจกวิเศษของถังไท่จง ทัดทานเรื่องต่างๆที่เห็นว่าไม่สมควร ไม่ดีต่อบ้านเมืองของถังไท่จง เมื่อถึงแก่อสัญกรรม ถังไท่จงทรงเสียพระทัยอย่างมาก พระองค์ทรงตรัสว่า:
การใช้คันฉ่องทองเหลืองสามารถส่องดูการแต่งตัวได้ เฉกเช่นเดียวกับการนำประวัติศาสตร์มาเป็นกระจกเงาสะท้อนให้เห็นถึงความรุ่งเรืองและการล่มสลาย ดังนั้น การนำคนมาเป็นกระจกเงาสามารถทำให้ล่วงรู้ความถูกและความผิดได้เช่นกัน บัดนี้เว่ยเจิงได้เสียชีวิตไปแล้ว ข้าก็ถือว่ามีกระจกเงาน้อยลงไปอีกหนึ่งบาน

อีกหนึ่งคน อี้ ฉือ กง เป็นแม่ทัพใหญ่ของราชวงศ์ถัง จัดได้ว่าเป็นแม่ทัพที่ร่วมรบกับถังไท่จงมาตลอด ซึ่งก็มีตำนานว่าเขามี แส้โบยอ๋อง ที่สามารถโบยฮ่องเต้ประพฤติผิดได้ และได้มีคำทำนายว่าม้าตาย แส้หัก คนตาย ซึ่งอี้ฉือกงมีม้าส่วนตัวชื่อม้าเมฆดำ และเมื่อซิยิ่นกุ้ยถูกให้ร้าย เขาได้เข้าเฝ้าถังเกาจง เพื่อขออภัยโทษ แต่เมื่อไม่เป็นเช่นนั้น อี้ฉือกงจึงได้ใช้แส้นี้ไล่ตีถังเกาจงจนแส้หัก และเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าตัวจึงฆ่าตัวตายโดยเอาหัวโขกเสา

โดยสมัยของซิยิ่นกุ้ยตรงกับสมัยปลายสามก๊กเกาหลี และตรงกับไทยสมัยทวาราวดี และยุคกลางของยุโรป